บ่อยครั้งที่ลูกค้ามักจะถามว่า “เพชรอะไร เบลเยี่ยมหรือรัสเชี่ยน”

ร้านค้าทั่วไปมักจะแทนเพชรเหลี่ยมเกสร คือเพชร 57 เหลี่ยมที่มีการเจียระไนสวยคือ มุมชนมุมเป็นเหลี่ยมที่เท่าๆกัน และมีสัดส่วนที่ดี ชัดเจนรองลงมาเป็นเบลเยี่ยมคัทและแย่สุดเป็นอินเดียคัท แต่อย่าสับสนกับเพชรรัสเซียนะคะ



เพชรรัสเซี่ยน (Cubic Zirconia) หรือที่เรียกกันว่า CZ เป็นเพชรเทียมที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมามีการสะท้อนแสงได้คล้ายเพชรมาก และเมื่อมองด้วยตาเปล่า และราคาถูก จึงใช้ผลิตเป็นเครื่องประดับเทียมกันอย่างมาก

ส่วนจะเรียกเพชรว่าคัทอะไรก็แล้วแต่ ความจริงแล้วจะหมายถึงเหลี่ยมเพชรว่าเจียระไนมาจากประเทศไหนเท่านั้น ไม่ได้หมายรวมถึง ความสะอาดของเพชร น้ำหนักของเพชร หรือ สีของเพชร เลย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการเจียระไนจะเป็นแค่หนึ่ง จากสี่ปัจจัยหลัก ในการประเมินมูลค่าเพชร (4Cs ได้แก่ Clarity คือ ความบริสุทธ์, Carat weight คือ น้ำหนัก, Color คือ สีของเพชร และ Cut คือรูปทรงรูปร่างของเพชร) แต่การเจียระไนเป็นปัจจัยเดียว ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ซึ่งมีผลต่อสีของเพชร และยังสามารถช่วยช่อนตำหนิของเพชรได้ด้วย การเจียระไน นี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เพชรนั้นส่องประการแพรวพราว และเล่นแสงเป็นอย่างดี การที่เพชรจะให้แสงประกายแพรวพราวและเล่นแสงนั้น จำต้องได้รับการเจียรไนที่ได้สัดส่วนไม่บางและไม่หนาเกินไป ดังรูป Perfect Cut


Perfect Cut


เพชรที่เจียระไนบางเกินไป (Shallow Cut) ทำให้แสงทะลุผ่านลงไปหมด ไม่สะท้อนกลับขึ้นมาด้านบน เพชรเม็ดนั้นก็จะไม่เล่นไฟ ดูโล่งๆ ไม่แวววาว แต่ถ้าเจียระไนหนาเกินไป (Deep Cut) เพชรเม็ดนั้นจะไม่เล่นไฟเช่นกันและจะดูมัวๆ หรือมืดกว่าปกติด้วย




ในปัจจุบันแทบจะทุกประเทศมีการพัฒนาความสามารถในการเจียระไนได้อย่างทัดเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเบลเยี่ยม รัสเซีย อินเดีย ไทย หรือจีน ซึ่งเพชรเจียระไนจากประเทศไหนก็จะเรียกชื่อตามประเทศนั้นๆ เช่น ไทยคัท (Thai Cut), อินเดียคัท (India Cut) ดังนั้นยิ่งเพชรที่เจียระไนด้วยฝีมือปราณีตแค่ไหน ราคาค่าแรงก็แพงขึ้นเท่านั้น ค่าแรงงานของแต่ละประเทศที่ต่างกันก็ทำให้ราคาเพชรแตกต่างกันไป ฉะนั้นเมื่อผู้ผลิตได้ก้อนเพชรที่มีคุณภาพคือเนื้อดี ไม่มีตำหนิ หรือตำหนิน้อย ก็ย่อมจะลงทุนเจียระไนให้ได้เหลี่ยมเพชรที่สวยได้สัดส่วนเพื่อให้ได้การสะท้อนแสงดีคือมีไฟดีนั่นเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นของเพชรเลยทีเดียว



เนื่องจากเพชรเป็นผลึกโปร่งใส เกิดจากคาร์บอน แต่ละผลึกจะมีรูปทรงแตกต่างกันไป ผู้เจียระไนจึงต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อจะออกแบบการเจียระไนให้เสียเนื้อน้อยที่สุดและได้รูปร่างที่สวยงามที่สุด ถึงแม้จะใช้การออกแบบการเจียระไนด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็จะเน้นการเสียเนื้อเพชรให้น้อยที่สุดเช่นกัน เหลี่ยมเพชรจึงมีหลายแบบด้วยกันขึ้นอยู่กับรูปร่างของก้อนเพชรดิบที่ขุดมาได้ ทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม ทรงไข่ ทรงมาคี ทรงหยดน้ำ ทรงหัวใจ ซึ่งทรงกลมจะเป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะซื้อง่าย ขายคล่องและทรงหัวใจที่มีรูปร่างดีจะเป็นทรงที่แพงที่สุด เพราะจะเสียเนื้อมากที่สุดในการเจียระไน


ต้องการอ่านข่าวเพิ่มเติมดูได้ที่